25.11.52

รูปแบบแผนการรุก Offence ในกีฬาวอลเลย์บอล (ตอนที่ 3)

หลังจากได้นำเสนอรูปแบบแผนการรุกขณะที่มีตัวรุกอยู่แดนหน้า 2 คนไปแล้วสองตอน ในตอนนี้ผมจะนำเสนอรูปแบบการรุกที่มีผู้เล่นอยู่แดนหน้า 3 คน อาจจะกล่าวได้ว่ารูปแบบการรุกนี้เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพกว่า หากดูที่จำนวนของผู้ทำการรุก แต่นั่นก็ไม่ใช่ความจริงเสมอไปหากองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
ตัวอย่างรูปแบบแผนการรุก

การรุกหน้า 3 คนโดยไม่มีผู้เล่นตัวรุกจากแดนหลัง

รูปแบบแผนการรุกที่มีตัวรุกอยู่แดนหน้า 3 คนสามารถแบ่งความแตกต่างออกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ การรุกแบบแยกตำแหน่ง การรุกแบบ 1 บอลหลัก 2 ผสมผสาน และการรุกแบบ 3 ผสมผสาน

1. การรุกแบบแยกตำแหน่ง


รูปแบบการรุกลักษณะนี้เป็นแผนการรุกที่ไม่มีความซับซ้อน โดยผู้เล่นแต่ละตำแหน่งในแดนหน้าจะทำการรุกในลักษณะต่างๆ กันโดยไม่มีการรุกแบบผสมผสาน (Combine)

รูปแบบการรุกลักษณะนี้ ทำให้แนวสกัดกั้นของคู่ต่อสู้ต้องใช้ความสามารถในการเคลื่อนที่เพื่อทำการสกัดกั้นมาก แต่ก็ง่ายต่อการคาดคะเน เพราะการเคลื่อนที่ของผู้เล่นตัวรุกไม่มีความซับซ้อน แผนการรุกลักษณะนี้อาจถูกแก้โดยฝ่ายตรงข้ามด้วยการใช้วิธีสกัดกั้นตัวต่อตัวและให้ตัวสกัดกั้นในตำแหน่งกลางหน้าเคลื่อนที่ไปช่วยตัวสกัดกั้นตำแหน่งหัวเสาหน้าหรือหลัง ทำให้แผนการรุกลักษณะนี้มักจะมีฝ่ายตรงข้ามอย่างน้อย 1 คน สกัดกั้นในทุกตำแหน่ง

แผนการเล่นลักษณะนี้โดยมากจะใช้ได้ผลดีในขณะเป็นการรุกแบบโต้กลับ (Counter attack) มากกว่าการรุกครั้งแรก (First attack) เพราะในการรุกโต้กลับแนวสกัดกั้นจะมีการประสานงานได้ไม่ดีเท่าการสกัดกั้นการรุกครั้งแรก
เดเดเดเ


2. การรุกแบบ 1 ผู้เล่นหลัก 2 ผสมผสาน

รูปแบบแผนการเล่นลักษณะนี้เป็นแผนการเล่นที่พบได้บ่อยที่สุดในการแข่งขัน ลักษณะสำคัญของแผนการรุกนี้คือ จะมีผู้เล่นแดนหน้า 1 คน ทำการรุกด้วยการตบหัวเสา (Outside) ด้านซ้าย C หรือด้านขวา Cb และจะมีผู้เล่นอีก 2 คน ทำการรุกแบบผสมผสานบริเวณอีกด้านของการรุกบอลหลัก

ข้อแนะนำ/ข้อสังเกตุ

การใช้แผนการรุกลักษณะนี้มีหลักแนวคิดในการใช้แผนการรุกโดยขึ้นอยู่กับศักยภาพของตัวรุก การสกัดกั้นของคู่ต่อสู้ ที่ผู้ฝึกสอนหรือตัวเซตจะต้องพิจารณาว่าจะโจมตีจุดใด ด้วยลักษณะการโจมตีแบบใด โดยผู้ฝึกสอนอาจจะประยุกต์ใช้จากแนวคิดต่อไปนี้


2.1 โจมตีบริเวณที่สกัดกั้นอ่อนที่สุด เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกสอนควรต้องฝึกให้ผู้เล่นปฏิบัติ เราสามารถใช้เลือกใช้กลยุทธ์การโจมตีได้ 2 ลักษณะคือ ใช้การรุกจากบอลหลักโจมตี หรือการใช้การรุกผสมผสานโจมตี


2.1.1 ใช้ผู้เล่นตัวหลักตบหัวเสาโจมตี (Outside) จากภาพที่ 4 และ 5 เป็นการรุกโดยใช้การตบหัวเสาด้านหน้าหรือด้านหลัง โดยในภาพที่ 4 จะใช้ผู้เล่นตัวรุกตำแหน่งที่ 2 และ 3 ทำการรุกแบบผสมผสานเพื่อสร้างความพะวงให้กับแนวสกัดกั้นตำแหน่งที่ 3 และ 4 ของคู่ต่อสู้ ซึ่งจะทำให้มีผู้สกัดกั้นในตำแหน่งที่ 3 เคลื่อนที่ไปช่วยสกัดกั้นการรุกหัวเสาได้ยากขึ้น

2.1.2 ใช้การรุกผสมผสานโจมตี จากภาพประกอบที่ 4 จะให้ผู้เล่นตำแหน่ง 2 และ 3 ภาพที่ 5 ใช้ผู้เล่นตำแหน่ง 3 และ 4 เป็นผู้เล่นที่รุกแบบผสมผสานโจมตีคู่ต่อสู้ โดยผู้เล่นตำแหน่งที่ 4 (ภาพที่ 4) และผู้เล่นตำแหน่ง 2 (ภาพที่ 5) จะเป็นผู้เล่นที่ทำให้แนวสกัดกั้นของคู่ต่อสู้ต้องคอยระวัง

อย่างไรก็ตามในสถานการณ์การแข่งขันจริง ต้องใช้การรุกทั้ง 2 รูปแบบในการโจมตี เพื่อไม่ให้แนวสกัดกั้นของคู่ต่อสู้จับทางได้ง่าย


3. การรุกแบบผสมผสาน 3 คน


แผนการรุกลักษณะนี้เป็นการรุกที่ผู้เล่นแดนหน้าทั้ง 3 คนจะทำการรุก ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่งทั้ง 3 คน (ดูภาพประกอบ)

แผนการรุกลักษณะนี้ อาจใช้ผู้เล่น 2 คน รุกด้วยบอลเร็ว (Quick spike) หรือการใช้ผู้เล่นตบบอลเร็วเพียง 1 คน
คำอธิบายเพิ่มเติม การใช้แผนการรุกลักษณะนี้ สิ่งที่ต้องคำนึงคือ การรับลูกเสริฟจะต้องมีประสิทธิภาพมาก และความสามารถของผู้เล่นตัวเซตจะต้องมีความเฉลียวฉลาดพลิกแพลงสถานการณ์ชิงจังหวะกับผู้สกัดกั้นฝ่ายคู่ต่อสู้ได้
หลักแนวคิดอีกประการหนึ่งในขณะที่มีผู้เล่นตัวรุกอยู่แดนหน้า 3 คนคือ การสังเกตลักษณะการยืนคุมแนวสกัดกั้นของคู่ต่อสู้ หากการยืนคุมเพื่อสกัดกั้นของคู่ต่อสู้ใช้ลักษณะการยืนห่างกัน การใช้วิธีรุกแบบผสมผสานอาจจะได้ผลดีกว่า หรือหากการยืนคุมสกัดกั้นของคู่ต่อสู้ยืนชิดกัน การโจมตีด้วยบอลหัวเสา จะทำให้ผู้สกัดกั้นต้องเคลื่อนที่ไปสกัดกั้น

ในตอนต่อไปจะนำเสนอรูปแบบแผนการรุกที่มีผู้เล่นอยู่แดนหน้า 3 คน ทำการรุกร่วมกับผู้เล่นแดนหลัง ลักษณะนี้คือการรุกโดยผู้เล่นตัวรุก 4 คน ซึ่งเป็นแผนการเล่นขั้นสูงของวอลเลย์บอล หากท่านใดสงสัยต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิญได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น